ประวัติและความเป็นมาของภาพวาดไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์

ภาพนี้วาดโดยศิลปิน นายทวีสาร เรืองฤทธิ์ (เขียว) ผู้ศรัทธาไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์อย่างเหนียวแน่น ได้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ สึนามิ ที่ภูเก็ต ขณะนั้นศิลปินผู้นี้ได้ทำงานอยู่ชายหาดกะรน วันเกิดเหตุไอ้ไข่ไปดลจิตให้นอนบ้านพัก ไม่ให้ไปทำงานโดยไม่มีสาเหตุ จึงเป็นเหตุให้รอดชีวิต จึงได้บวชถวายไอ้ไข่

ในช่วงก่อนบวชได้วาดรูปนี้เอาไว้ในปี ๒๕๔๘ โดยตั้งปณิธานตั้งจิตประกาศต่อหน้ารูปแกะสลักไม้ตะเคียนของปี 2525 ที่ทวดเที่ยงแกะสลักเอาไว้ว่า ขอสัญญากับไอ้ไข่ว่า จะขอวาดรูปไอ้ไข่รูปรูปเดียวคือรูปนี้ เป็นรูปแรก และรูปสุดท้าย จะไม่รับจ้างวาดให้ใคร ๆ แม้นว่าจะจ้างในราคาเป็นแสน เป็นล้านก็ตาม อุปกรณ์การวาดจะไม่ร่วมกับงานใด ๆ ใช้พู่กันใหม่ สีใหม่ ผ้าใหม่ วาดตรงหน้ารูปแกะสลักไม้ตะเคียนในวิหารเก่า ที่ตั้งโบสถ์ในปัจจุบัน วาดไม่หยุดจนแล้วเสร็จ ใช้เวลาสองวันสองคืน. ได้ฤกษ์วาดตามที่พระอาจารย์แว่นดูฤกษ์ให้ ตี ๙.๐๙ นาที (๒๑.๐๙ น.)เป็นไปจนแล้วเสร็จ โดยมีการตั้งเวรเฝ้าเป็นผลัดกันคนละ ๒ ชม. มี พระอาจารย์แว่น ตัวผม แก้ว จิปาถะ, สุรัติ เพชรทับ ( ไข่นุ้ย ) ที่ผลัดเวรคนละสองชั่วโมง ตามที่ตั้งตกลงกันเอาไว้ ประมาณตี ๓ (๐๓.๐๐ น.) ซึ่งเป็นผลัดอาจารย์แว่น ตัวผมเองก็ตื่นเพราะต้องมาผลัดเวรเฝ้า ก็มานั่งเฝ้ากันทั้งสองร่วมกับพระอาจารย์แว่น ซึ่งนายสุรัติ เพชรทับ ได้นอนหลับอยู่บนเก้าอี้ยาวติดกับฝาผนังวิหารนั้น อยู่ ๆ นายสุรัติก็ได้หัวเราะ และพูดว่าไม่ใช่อยู่แบบนั้น พระอาจารย์แว่นกับผม ก็ไม่แอะใจอันใดคิดว่านายสุรัติละเมอ แต่ ตัวศิลปินเขียว ออกปากถามไปว่าอยู่อย่างไร นายสุรัติ ลุกขึ้นเดินมาบอกว่า อยู่ผอมๆ ผิวดำๆ มีขนยาวๆ มีผ้าสะพายเหน่ง สีม่วงอมน้ำตาล เวลาวิ่งมันสะบัดแบบนี้ โดยทำมือสะบัดให้ดู แล้วนายสุรัติก็เดินไปนอนเป็นปกติศิลปินเขียวถึงกับต้องลบรูปที่วาดแล้วลงมือวาดใหม่ดั่งคำบอกของนายสุรัติ

เมื่อสว่างขึ้นของรุ่งเช้า ผมกับ นายสุรัติ ได้ออกไปกินกาแฟที่ร้านสองคน ปล่อยให้ ศิลปินเขียววาดภาพต่อไป ขณะกินกาแฟนายสุรัติก็ได้ถามผมว่า ทำไมรูปที่วาดมันไม่เหมือนตอนหัวค่ำละ ผมบอกว่าแล้วคุณงั้นแหละเป็นคนบอกว่าไม่ใช่อยู่แบบนั้น และบอกศิลปินเขียวว่าอยู่แบบไหน เลยจึงต้องวาดใหม่แต่นายสุรัติปฏิเสธว่าเขาไม่ได้พูดอะไร ว่าผมอย่าพูดโกหกใส่เขาว่าเขาพูด ทำให้ผมหน้าแตกกลางโต๊ะกาแฟในฝูงคนจำนวนมาก เลยบอกสุรัติว่าไปถามอาจารย์แว่น และศิลปินกันดีกว่าซึ่งสามารถเป็นพยานผมได้ในการที่โดนข้อหาว่าโกหกใส่สุรัติ มาถึงวัดสุรัติก็ยอมรับด้วยดีเพราะมีพระอาจารย์แว่นและศิลปินเขียวพูดสิ่งเดียวกันดั่งผมกล่าวข้างต้น 

ศิลปินเขียวก็วาดต่อจนแล้วเสร็จ เมื่อวาดแล้วเสร็จก็ทำการหักพู่กัน แล้วขุดหลุม ฝั่งพู่กันและสีที่ใช้วาดในบริเวณวัด และภาพนี้พระอาจารย์เลยไม่จัดสร้างเป็นภาพบูชาให้ผู้ศรัทธาเช่าบูชาเพราะต้องการให้เป็นตามเจตนาของศิลปินเขียว และลุล่วงมาได้หลายปี ผมได้นำไปใส่กรอบใหม่แล้ว ให้ทางร้านอัดเป็นภาพโฟโต้เพิ่มมาสองภาพใหญ่กว่าต้นฉบับเพื่อให้ผู้ศรัทธาบูชาในวัด และเพื่อเก็บภาพต้นฉบับเอาไว้ให้สมบูรณ์ให้นานคู่วัดไป

CR. แก้ว จิปาถะ (ผู้เล่าเรื่อง)